ได้รับการพิสูจน์ทั้งทางทฤษฎี จากบริษัทด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมชั้นนำของญี่ปุ่น และทางปฏิบัติโดยโครงการก๊าซชีวภาพที่ใหญ่ระดับเอเชียหลักการของระบบ Hybrid Covered Lagoon
ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพของระบบ โดยทั่วไปประกอบด้วย
1. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น สภาพไร้อากาศ อุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง ระดับการปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะ ปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัส เป็นต้น
2. โอกาสในการสัมผัสระหว่างจุลินทรีย์กับอาหาร ซึ่งเป็นไปได้ใน 3 รูปแบบ
รูปแบบที่ 1 การเพิ่มจำนวน โดยการหมุนเวียนตะกอน คล้ายระบบ AC (Activated Sludge)
รูปแบบที่ 2 การเพิ่มระยะเวลาในการอยู่ร่วมกันของจุลินทรีย์กับอาหาร
โดยใช้แผ่น Baffle ในระบบ ABR (Anaerobic Baffle Reactor) หรือการตรึงไว้กับแผ่นฟิล์ม ในระบบ Fixed Film
รูปแบบที่ 3 การเพิ่มการเคลื่อนไหว โดยการกระจายน้ำในระบบ UASB และใช้ใบพัดกวนน้ำในระบบ CSTR (Complete Stirred Tank Reactor)
สำหรับระบบ Hybrid Covered Lagoon ใช้การผสมผสานข้อดีของระบบต่างๆ ข้างต้นเข้าด้วยกัน ด้วยการประยุกต์บ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจำนวน 2 บ่อ ที่มีขนาดความจุแตกต่างกัน เข้ากับรูปแบบการไหลที่เน้นการกระจายตัวของตะกอนที่ระดับผิวน้ำ เพื่อให้ผลในการเพิ่มระยะเวลาการอยู่ในระบบของจุลินทรีย์และอาหาร พร้อมๆ กับการสร้างการเคลื่อนไหว จึงสามารถให้ผลเทียบเท่าหรือดีกว่า ทั้ง 3 รูปแบบข้างต้นร่วมกัน ในขณะที่ลงทุนต่ำกว่า ก่อสร้างได้ง่าย และรวดเร็วกว่า
ลักษณะเด่น ที่มีความได้เปรียบเหนือกว่าทุกระบบในปัจจุบัน
1. ประกอบด้วย 2 บ่อ ที่มีโครงสร้างเป็นดินทั้งหมด และคลุมด้วยแผ่นพลาสติกชนิด HDPE ซึ่งสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และลงทุนต่ำ
1.1 บ่อตกตะกอน มีโครงสร้างเป็นบ่อดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดเล็ก มีหน้าที่หลักดังนี้
1.1. 1 เป็นบ่อ Buffer หรือบ่อพักน้ำขั้นต้น สำรองลดความเสี่ยงจากภาวะ Shock Load*
1.1.2 ตกตะกอนขั้นต้น ซึ่งช่วยลดปริมาณตะกอนแปลกปลอมในบ่อบำบัดหลัก จึงช่วยยึดอายุของระบบ และสะดวกต่อการจัดการ
1.1.3 เป็นบ่อ Equalization ที่ปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในน้ำเสียให้มีความเหมาะสม เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลาย ในบ่อบำบัดหลัก หรือบ่อ Covered Lagoon
1.1.4 เป็นบ่อเก็บก๊าซสำรอง และช่วยรักษาเสถียรภาพความดันก๊าซภายในบ่อบำบัดหลัก จึงลดความเสี่ยงต่อการเสียหายของแผ่นพลาสติกที่คลุมบ่อ รวมไปถึงการรักษาความต่อเนื่องในการนำก๊าซไปใช้ประโยชน์
1.2 บ่อ Covered Lagoon มีโครงสร้างเป็นบ่อดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อาจเป็นบ่อขุดลึกต่ำกว่าระดับดินเดิม โดยมีคันบ่อเสมอดินเดิม หรือบ่อที่มีคันบ่อสูงกว่าระดับดินเดิม ก็ได้
2. ระบบการไหลของน้ำเสียเป็นแบบอนุกรม หรือการไหลตามลำดับจากบ่อตกตะกอนสู่บ่อ Covered Lagoon
3. ระบบท่อก๊าซ ที่มีวาล์วควบคุมโดยอิสระ แต่สามารถรักษาความดันก๊าซระหว่าง 2 บ่อ ได้อย่างสมดุล
4. มีระบบชักกากตะกอนส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพ
5. มีบ่อสังเกตการณ์ ระหว่างบ่อหลัก เพื่อตรวจสอบสภาพน้ำเสียในระบบ และความสะดวกในการชะล้างตะกอนที่ตกค้างภายในท่อ
6. การไหลของน้ำเสียระหว่างบ่อ เป็นการไหลแบบ gravity flow ซึ่งอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก ที่เน้นการไหลอย่างช้าๆ และต่อเนื่องที่ระดับผิวน้ำ เพื่อประสิทธิภาพในการบำบัด และลดโอกาสการอุดตันของท่อ และการฟุ้งกระจายของตะกอน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมบำรุงเครื่องสูบน้ำอีกด้วย
7. ปราศจากอุปกรณ์เชิงกลที่ซับซ้อน เช่น เครื่องสูบน้ำ ท่อกระจายน้ำ ชุดเบนตะกอน เป็นต้น จึงมีค่าใช้จ่ายในการเดินระบบที่ต่ำมาก